บทความที่เป็นประโยชน์

แผนพัฒนาโลจิสติกส์ ปี 66-70  ดันไทยเป็นประตูการค้าสำคัญสู่ภูมิภาคอาเซียน

30 ธันวาคม 2565

นางสาว รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติ เห็นชอบแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทย พ.ศ. 2566-2570 ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ระบบโลจิสติกส์เป็นกลไกสำคัญในการผลักดันให้ประเทศไทย เป็นประตูการค้าที่สำคัญในอนุภูมิภาค และ ภูมิภาค

โดยขับเคลื่อนผ่าน 5 แนวทางการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ ดังนี้

1. พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการขนส่ง และ สิ่งอำนวยความสะดวก  เช่น

- การสร้างโครงข่ายการเชื่อมโยงการขนส่ง และระบบโลจิสติกส์ระหว่างท่าเรือ รถไฟ ถนน และท่าอากาศยานอย่างครอบคลุม เชื่อมโยงพื้นที่เศรษฐกิจ พื้นที่อุตสาหกรรม และด่านชายแดนสำคัญ

- พัฒนาศูนย์บริการโลจิสติกส์ และปรับปรุงด่านชายแดนที่สำคัญ

- บริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐาน และศูนย์บริการโลจิสติกส์

- ส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีดิจิทัล

2. ยกระดับมาตรฐาน และ เพิ่มมูลค่าโซ่อุปทาน เช่น

- พัฒนาการบริหารจัดการโลจิสติกส์ และโซ่อุปทานภาคการเกษตร

- พัฒนาระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่เหมาะสมต่อการเติบโตของผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม

- การดำเนินการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

3. การพัฒนาพิธีการศุลกากร กระบวนการนำเข้า-ส่งออกที่เกี่ยวข้อง และการอำนวยความสะดวกในการขนส่งระหว่างประเทศ เช่น

- พัฒนาการเชื่อมโยงข้อมูล และใช้ประโยชน์จากระบบ National Single Window (NSW)

- พัฒนากระบวนการโลจิสติกส์ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์

- พัฒนาการอำนวยความสะดวกการขนส่งสินค้าผ่านแดน และข้ามแดน

- เร่งพัฒนาความร่วมมือ และแก้ไขอุปสรรคการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ

- ปรับปรุงพัฒนากฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการขนส่ง และโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ

4. พัฒนาศักยภาพ Logistics Service Providers: LSPs  เช่น

- เสริมสร้างศักยภาพผู้ให้บริการโลจิสติกส์

- ยกระดับผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทยสู่เวทีสากล

5. ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม การพัฒนาบุคลากร และการติดตามผลด้านโลจิสติกส์  เช่น

- ส่งเสริมการวิจัย และนำผลงานวิจัยไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรมด้านโลจิสติกส์ที่ทันสมัยภายในประเทศ

- ส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรมในการพัฒนาโลจิสติกส์

- พัฒนาบุคลากรด้านโลจิสติกส์

- ติดตาม และประเมินผลการพัฒนาด้านโลจิสติกส์

 

สำหรับเป้าหมายความสำเร็จภายใต้ร่างแผนปฏิบัติ ประกอบด้วย

    1.สัดส่วนต้นทุนการขนส่งสินค้าต่อ GDP ลดลงเหลือ 5% ต่อปี (ปี 2564 อยู่ที่ 6.4%)

    2.สัดส่วนต้นทุนการเก็บรักษาสินค้าคงคลังต่อ GDP ลดลงเหลือ 5% ต่อปี (ปี 2564 อยู่ที่ 6.4%)

    3.อันดับดัชนีชี้วัดประสิทธิภาพโลจิสติกส์ ด้านพิธีการศุลกากร อยู่ในอันดับ 25 หรือคะแนนไม่ต่ำกว่า 3.20  
       (ปี 2561 อยู่อันดับที่ 31 มีคะแนนอยู่ที่ 3.14 คะแนน)

    4.อันดับ LPI ด้านสมรรถนะ LSPs ทั้งภาครัฐ และธุรกิจ อยู่ในอันดับ 25 หรือคะแนนไม่ต่ำกว่า 3.60
       (ปี 2561 อยู่อันที่ 32 มีคะแนนอยู่ที่ 3.41 คะแนน)

ทั้งนี้ สถานการณ์การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ในภาพรวม ปี 2564 ไทยมีสัดส่วนต้นทุน โลจิสติกส์ต่อ GDP คิดเป็นสัดส่วน 13.8 % ต่อ GDP ลดลงจากสัดส่วนปีก่อนหน้าที่ 14.0%  ต่อ GDP ตามการฟื้นตัวของกิจกรรมเศรษฐกิจภายในประเทศ และ แรงขับเคลื่อนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว ประกอบกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะที่ในปี 2565 ต้นทุนโลจิสติกส์ มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น โดยคาดว่าสัดส่วนต้นทุนโลจิสติกส์ของไทยจะปรับลดลงอยู่ที่ 12.9 - 13.3% ต่อ GDP

น.ส.รัชดา กล่าวด้วยว่า ครม. ยังมีมติเห็นชอบทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2561 เรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้า และบริการของประเทศ (กบส.) ครั้งที่ 1/2561 เพื่อมอบหมายให้กรมศุลกากรเป็นผู้รับผิดชอบในการบริหารจัดการและพัฒนาระบบ NSW และกำหนดขอบเขตหน้าที่ของ บมจ. โทรคมนาคมแห่งชาติ ให้เหมาะสม

 

ที่มาแหล่งข้อมูล : รัฐบาลไทย (ROYOL THAI GOVERNMENT)

-------------------------- 

https://www.thaigov.go.th/infographic/contents/details/6482

ติดต่อสอบถามบริการ BTL 

02-681-2005ถึง9 

www.bkkterminal.com 

m.me/BangkokTerminalLogistics 

<< กลับไปหน้าบทความ

บทความอื่นๆ