การลงทุนไทยพุ่ง 1.3 ล้านล้าน ต่างชาติยังมั่นใจฐานผลิตอาเซียน

การลงทุนในประเทศไทยยังคงคึกคักอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 (ม.ค.–ก.ย.) มียอดยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนกว่า 2,622 โครงการ รวมมูลค่า 1.37 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 94% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่มองว่าไทยยังเป็น ฐานการผลิตระยะยาวที่แข็งแกร่งในอาเซียน

อุตสาหกรรมเด่นที่ดึงดูดการลงทุน

กลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในปีนี้ ได้แก่

  1. ดิจิทัลและเทคโนโลยี (มูลค่า 612,768 ล้านบาท / 119 โครงการ)
    โดยเฉพาะการลงทุนใน Data Center และซอฟต์แวร์แพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่สอดรับกับการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลโลก
  2. อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า (184,078 ล้านบาท / 382 โครงการ)
    ครอบคลุมการผลิต PCB, ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์, ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, แบตเตอรี่ระดับเซลล์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ
  3. พลังงานหมุนเวียน (74,212 ล้านบาท / 300 โครงการ)
    ลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ลม และชีวมวล
  4. ยานยนต์และชิ้นส่วน (70,985 ล้านบาท / 229 โครงการ)
    รวมถึงการผลิตยางล้อ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอากาศยาน
  5. เกษตรและอาหาร (47,200 ล้านบาท / 228 โครงการ)
    มุ่งเน้นการแปรรูปอาหาร ผลิตภัณฑ์จากวัตถุดิบธรรมชาติ และยางพารา
  6. ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ (36,766 ล้านบาท / 230 โครงการ)
    ครอบคลุมผลิตภัณฑ์พลาสติกเพื่ออุตสาหกรรม
  7. การแพทย์ (25,086 ล้านบาท / 89 โครงการ)
    รวมถึงการลงทุนในโรงพยาบาลเฉพาะทางและอุปกรณ์การแพทย์
  8. การท่องเที่ยว (15,902 ล้านบาท / 21 โครงการ)
    ครอบคลุมธุรกิจโรงแรมและโครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่

นักลงทุนต่างชาติยังมั่นใจไทย

การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มีสัญญาณขยายตัวอย่างต่อเนื่อง รวม 1,947 โครงการ มูลค่า 985,337 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 82% จากปีก่อน
5 ประเทศที่ลงทุนสูงสุด ได้แก่ สิงคโปร์, ฮ่องกง, จีน, สหราชอาณาจักร และญี่ปุ่น

โดยเฉพาะโครงการ Data Center ขนาดใหญ่จากสิงคโปร์และอังกฤษ รวมถึงโรงงานผลิตแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้าจากฮ่องกง ล้วนเป็นการลงทุนที่สะท้อนความมั่นใจต่อเศรษฐกิจไทยและศักยภาพด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่

พื้นที่ลงทุนยอดนิยม

พื้นที่ภาคตะวันออก ยังคงครองอันดับหนึ่งของการลงทุน มูลค่ารวมกว่า 855,000 ล้านบาท
รองลงมาคือภาคกลาง ภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคตะวันตกตามลำดับ

ปรับสู่ Smart & Sustainable Industry

การลงทุนเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมเดิมสู่ Smart Industry / Sustainable Industry ก็ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ในช่วง 9 เดือนแรก มีคำขอกว่า 402 โครงการ มูลค่า 37,652 ล้านบาท เน้นการนำระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์และเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในกระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดพลังงาน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

โอกาสใหม่ของไทยในยุคเทคโนโลยี

คลื่นการลงทุนใหม่ที่เน้นเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น เซมิคอนดักเตอร์ แบตเตอรี่ และ Data Center กำลังเปลี่ยนโฉมโครงสร้างเศรษฐกิจไทยให้ทันสมัยมากขึ้น
เม็ดเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้นนี้คาดว่าจะสร้างการจ้างงานกว่า 175,000 ตำแหน่ง และเพิ่มมูลค่าส่งออกของประเทศกว่า 1.4 ล้านล้านบาทต่อปี

ที่มา: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์