



ตัวเลขส่งออกไทย 2566 ในเดือนมกราคม พบว่ามีมูลค่า 20,249.5 ล้านเหรียญ สหรัฐ หดตัว 4.5% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน
วันที่ 2 มีนาคม 2566 นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยตัวเลขส่งออกของไทย ประจําเดือนมกราคม 2566 พบว่ามีมูลค่า 20,249.5 ล้านเหรียญ สหรัฐ หดตัว 4.5% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ เป็นการหดตัวต่อเนื่อง 4 เดือนติดต่อกัน นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565
หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคํา และยุทธปัจจัย หดตัว 3.0% การส่งออกของไทยหดตัวน้อยลงจากเดือนก่อนหน้า แต่ยังอยู่ในระดับที่ดีกว่าหลายประเทศในเอเชีย
โดยตลาดส่งออกของไทยหลายตลาดกลับมาขยายตัว ได้แก่ สหภาพยุโรป ลาตินอเมริกา อินเดีย แอฟริกา และอาเซียน (5) ท่ามกลางผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และความผันผวนของค่าเงินบาท ขณะที่การนําเข้า มีมูลค่า 24,899.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 5.5% ส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้า 4,649.6 ล้านเหรียญสหรัฐ
การส่งออกไทย 2566 สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร หดตัว 2.7%
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หดตัวต่อเนื่อง 4 เดือน
แต่ยังมีสินค้าสําคัญที่ขยายตัวดี ได้แก่
สินค้าที่การส่งออกไทย 2566 หดตัว ได้แก่
การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม หดตัว 5.4%
เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน หดตัวต่อเนื่อง 4 เดือน
แต่ยังมีสินค้าสําคัญ ที่ขยายตัวดี ได้แก่
สินค้าที่การส่งออกไทย 2566 หดตัว ได้แก่
อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคํา) หดตัว 3.8% หดตัวต่อเนื่อง 2 เดือน
(หดตัว ในตลาดฮ่องกง เยอรมนี อินเดีย สหราชอาณาจักร และออสเตรเลีย แต่ขยายตัวในตลาดสหรัฐ อิตาลี เบลเยียม สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และญี่ปุ่น)
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ได้ดําเนินการเชิงรุกและลึก เพื่อผลักดันและอํานวยความสะดวก การส่งออก โดยการดําเนินงานที่สําคัญในรอบเดือนที่ผ่านมา เพื่อการส่งเสริมการส่งออก อาทิเช่น
– การปราบปรามการลักลอบนําเข้าน้ํามันปาล์ม ทางบก โดยยังสามารถนําเข้าได้ทางเรือ และส่งไปต่างประเทศได้เฉพาะบางด่านเท่านั้น เพื่อลดปัญหาราคาสินค้าปาล์ม น้ํามันภายในประเทศตกต่ำจากการลักลอบนําเข้าอย่างผิดกฎหมาย ทําให้การลักลอบนําเข้าลดลง และราคาปาล์มดีขึ้น
– การรื้อฟื้นการเจรจาการค้าเสรี ไทย-สหภาพยุโรป โดยมีเป้าหมายการลดภาษีระหว่างกันเหลือ 0% ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องให้เร่งดําเนินการอนุมัติกระบวนการและขั้นตอนการเจรจาให้เร็วที่สุด หลังจากที่การเจรจาหยุดชะงักไป ตั้งแต่ปี 2557 ซึ่งจะทําให้ไทยส่งออกสินค้าไปยังสหภาพยุโรป 27 ประเทศ ได้มากขึ้น และมีแต้มต่อมากขึ้นขึ้นเมื่อเทียบ กับคู่แข่งอื่น
– การสนับสนุนสินค้าท้องถิ่นสู่ตลาดโลก มุ่งเน้นการสร้างความเข้มแข็งแก่เศรษฐกิจฐานราก กําหนด เป้าหมายผลักดันสินค้าท้องถิ่น ภายใต้แนวทาง Local + (โลคัล พลัส) จํานวน 3 กลุ่มสินค้า ได้แก่ กลุ่ม BCG กลุ่มสินค้าอัตลักษณ์ และกลุ่มสินค้านวัตกรรม
โดยจะเข้าไปช่วยเหลือในการให้ความรู้ด้านการผลิต การพัฒนาสินค้า และผลักดันออกสู่ตลาด ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดให้กับผู้ผลิตสินค้า และสร้างรายได้ เข้าประเทศ
นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก เปิดเผยว่า การส่งออกของไทยเดือนมกราคม ที่หดตัวเป็นผลสืบเนื่องมาจากประเทศผู้นำเข้ามีสินค้าคงคลังตั้งแต่ปลายปี 2565
ในหลายกลุ่มสินค้าอย่างเช่น สิ่งทอ แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าการส่งออกของไทยจะกลับมาขยายแต่ตัวเป็นบวกได้ในช่วงไตรมาส 2 โดยเห็นจากสินค้ากลุ่มอาหารขยายตัว ปัญหาด้านชิปขาดแคนลดลง ตู้คอนเทนเนอร์ ค่าเฟสก็อยู่ในระดับที่ก่อนจะเกิดผลกระทบของโควิด
ที่มาแหล่งข้อมูล : ประชาชาติธุรกิจ
ติดต่อสอบถามบริการ BTL
02-681-2005 ถึง 9